“กลอย-อัญญาสิลิน สมผล” นักลงทุนด้านอสังหาฯ ผู้มีประสบการณ์มากว่า 15 ปี เผยเคล็ดลับการลงทุนด้านอสังหาฯ ด้วยประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่ในวงการนักลงทุนมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังเลือก Property Agent อย่างบีซี แบงคอกซิตี้ สมาร์ท มาเป็นที่ปรึกษาในด้านการลงทุนซื้อคอนโดฯ อีกด้วย
โดยถ้าย้อนกลับไปในช่วงปี 2005 กระแสด้านการซื้อขายใบจองมาแรงมาก ทำให้ตนเองเริ่มมีความสนใจเรื่องการลงทุนอสังหาฯ มาตั้งแต่ตอนนั้น แต่กว่าจะยอมลงทุนจริงๆ ก็ต้องใช้เวลาศึกษาและตัดสินใจนานจนถึงปี 2008 เลยทีเดียว โดยโครงการแรกที่เลือกลงทุน ได้แก่ โครงการ Life สาทร ของ เอพี (ไทยแลนด์) ซึ่งได้กำไรจากการลงทุนในครั้งนั้นถึง 150,000 บาท จึงทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เห็นถึงความคุ้มค่าของการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ การลงทุนอสังหาฯ แบ่งเป็น 3 แบบ คือ 1.การลงทุนเพื่อปล่อยเช่า ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่คาดหวังกำไรประมาณ 5-6 % แต่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ 4% ถือว่าดีในระดับหนึ่ง
2.การซื้อเพื่อขายต่อ โดยจะมีทั้งแบบระยะสั้นหมายถึงการขายดาวน์ และระยะยาวหมายถึงการโอนเป็นทรัพย์สินเพื่อปล่อยเช่าหรือขายต่อ
3.การซื้อเก็บไว้เป็นทรัพย์สิน ซึ่งความเห็นส่วนตัวคิดว่า การเลือกลงทุนด้านอสังหาฯ ควรเลือกลงทุนกับคอนโดมิเนียมมากกว่า เพราะง่ายต่อการซื้อขาย และถ้าพูดถึงโครงการที่เลือกลงทุนแล้วประสบความสำเร็จที่สุด คงจะเป็นโครงการ Rhythm สุขุมวิท 103 ในปี 2013 และ HQ by Sansiri ในปี 2014 ในตอนนั้นเลือกซื้อห้องที่ขายดีที่สุดและนำมาขายต่อในปี 2017 ซึ่งราคาได้ขึ้นมาเป็น 65% ถือว่าสูงมากภายในระยะเวลา 3 ปี ได้รีเทิร์นกลับมา 100% จากตอนที่ดาวน์ นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
สำหรับตอนนี้กำลังดูโครงการ Life One Wirelessเพื่อลงทุนในครั้งต่อไป เนื่องจากเคยได้กำไรจากโครงการนี้มาแล้วเมื่อปี 2017 ยิ่งในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้ทำให้ชาวต่างชาติไม่สามารถทำการโอนซื้อได้ ทำให้โครงการมีห้องหลุดดาวน์โดยที่ไม่ต้องแย่งกันซื้อและองค์ประกอบของห้องก็ยังดีเยี่ยม อีกทั้งราคาขายยังต่ำลงกว่าในช่วงเปิดตัวก่อนหน้านี้
โดยในเรื่องของเคล็ดลับในการลงทุน ตนเองจะใช้ 5 ข้อหลักในการพิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจ ได้แก่ 1.การเลือก Developer ค่อนข้างสำคัญมากในเรื่องของความมั่นคงบนความมั่งคั่ง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เลือกแบรนด์ใหญ่เพราะมีความมั่นคงและมีกระแสที่ดีอย่างต่อเนื่อง2.Location จะเลือกโครงการที่ติดรถไฟฟ้าอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพิจารณาและสำรวจทำเลที่ตั้งให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อเสมอ
3.Pricing จะต้องดูว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ โดยส่วนตัวจะใช้วิธีการทำ landscape analysis รวมถึงสำรวจราคาโครงการในละแวกใกล้เคียง ซึ่งจะช่วยในการวิเคราะห์ได้เป็นอย่างดี
4.Product การศึกษาข้อมูลโครงการ ข้อดี ข้อเสีย องค์ประกอบของห้อง และความหนาแน่นของโครงการ รวมถึง Position ของห้องก็เป็นส่วนสำคัญสำหรับการซื้อเพื่อขายต่อ ซึ่งจะต้องหาข้อมูลว่าโครงการนั้นๆ ห้องประเภทใดที่ขายดี แนะนำว่าหากต้องการซื้อเพื่อการลงทุนควรเลือกพิจารณาจากราคาและ Position ว่าแบบใดสมเหตุสมผลที่สุด และ 5.Community สภาพแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ เช่น ใกล้โรงเรียน โรงพยาบาล ตลาด หรือสะดวกในการเดินทางไปยังสถานที่นั้นๆ มากน้อยแค่ไหน เหตุผลเหล่านี้มีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อด้วยเช่นกัน
สำหรับการลงทุนอสังหาฯ ในยุคโควิด-19 นั้น เป็นช่วงที่ “ต้องช้อน” เนื่องจากราคาในตอนนี้ค่อนข้างถูกกว่าช่วง Pre-sales จะเห็นได้จาก คอนโด Hi-end บนถนนสุขุมวิท ซึ่งก่อนหน้านี้มีราคา 300,000 บาทต่อตารางเมตร แต่สำหรับช่วงนี้ถ้าได้ต่อรองดีๆ ราคาอาจจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาทต่อตารางเมตร จึงทำให้ช่วงนี้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการซื้อขายในอนาคต