LGBTQ : เศรษฐา ทวีสิน” ซีอีโอแสนสิริ ทวิตข้อความ อนุมัติให้พนักงานที่ต้องการผ่าตัดแปลงเพศ สามารถลางานได้ 30 วัน มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค.65
สร้างกระแสร้อนแรงในสังคมโซเชียลมีเดียมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “เศรษฐา ทวีสิน ” ซีอีโอ อสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) โดยล่าสุด นายเศรษฐา ได้ทวิตข้อความในบัญชี @Thavisin ประกาศว่า แสนสิริอนุมัติให้พนักงานที่ต้องการผ่าตัดแปลงเพศ สามารถลางานได้ 30 วัน มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค.นี้
บางทีของขวัญปีใหม่สำหรับบางคนอาจจะไม่ใช่ของมีค่าหรูหรา แต่เป็นความเท่าเทียมและการยอมรับความแตกต่าง
ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่นายเศรษฐา ออกมาทวิตสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ โดยก่อนหน้านี้ได้ประกาศให้พนักงานที่เป็น LGBTQ สามารถลาแต่งงานได้7 วันเท่ากับการสมรสระหว่างชาย-หญิง พร้อมระบุว่า ทุกคนควรได้รับสิทธิ์อย่างเท่าเทียมเสมอภาค ไม่ว่าจะเพศสภาพใด
ทั้งนี้ แสนสิรินับเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ได้ลงนามในข้อตกลง ‘United Nations Global Standards of Conduct for Business’ หรือมาตรฐานข้อปฏิบัติทางธุรกิจขององค์การสหประชาชาติ เพื่อลดการแบ่งแยก และความเหลื่อมล้ำในกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ ‘LGBTI’ ซึ่งย่อมาจาก Lesbian (หญิงรักหญิง) Gay (ชายรักชาย) Bisexual (คนรักสองเพศ) Transgender (คนข้ามเพศ) Intersex (อินเทอร์เซ็กส์หรือเพศกำกวม) การลงนามในข้อตกลงดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแสนสิริมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงที่จะสร้างสรรค์วัฒนธรรมองค์กร ซึ่งจะช่วยให้คนทุกกลุ่มรู้สึกมีส่วนร่วมตามหลักแห่งความเท่าเทียมและความหลากหลาย อันเป็นค่านิยมหลักที่แสนสิริยึดถือมาโดยตลอด สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ตามแนวคิด ‘Made for Everyone’ ของแสนสิริ
เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า วัฒนธรรมองค์กรที่ดีควรจะเคารพต่อสิทธิมนุษยชน และลดการกีดกันในสถานที่ทำงาน แสนสิริเชื่อมั่นว่ามนุษย์ทุกคนควรได้รับสิทธิและโอกาสที่เท่าเทียมกัน นโยบายส่งเสริมการยอมรับความแตกต่างและอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมนี้ คือการบอกว่าทุกคนต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแสนสิริ
เริ่มตั้งแต่การรับสมัครพนักงาน แสนสิริต้องการคนที่เก่งและเหมาะสมที่สุดมาร่วมงานกับเราเสมอ ดังนั้นหากเราไม่พิจารณาคนที่มีความสามารถจากทุกๆ กลุ่มอย่างเท่าเทียมโดยไม่แบ่งแยกแล้ว เราก็จะไม่สามารถมอบโครงการ และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเราได้ แสนสิริจึงต้องการเปิดกว้างให้ทุกๆ คนได้มีโอกาสแสดงความสามารถ เพื่อที่จะทำให้แสนสิริเป็นองค์กรที่ให้ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วมได้อย่างแท้จริง
“ผมว่ามันคุ้มที่จะนำเอาหลักความเท่าเทียมทางเพศ และการไม่แบ่งแยกมาเป็นข้อปฏิบัติ เพราะมีผลการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า สถานที่ทำงานใดที่ให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมนั้นจะมีผลประกอบการที่ดีกว่าบริษัทที่ไม่ได้ทำตามข้อปฏิบัตินี้ เพราะจะสามารถดึงดูดลูกค้าที่ให้ความใส่ใจกับความเท่าเทียม รวมถึงยังดึงดูดพนักงานผู้มีความสามารถให้เข้าร่วมและอยู่กับบริษัทได้ยาวนานกว่า และไม่ว่าจะเป็นเพศวิถี (Sexuality) หรือเพศสภาพ (Gender) ใด พนักงานทุกคนต่างแสดงถึงความพอใจที่มีต่องานในบริษัทที่ทำตามข้อปฏิบัตินี้อีกด้วย ”
ขอบคุณที่มาจาก bangkokbiznews
อ่านข่าวสารอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่ Blog ของเรา คลิก Home Connect