การผ่อนคลายมาตรการแอลทีวี (LTV) และการเริ่มฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจเป็นแรงหนุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 ก้าวข้ามโควิดเพื่อไปต่อ!! บรรดาผู้ประกอบการต่างวางเกมรุก พลิกกลยุทธ์เปลี่ยนเกมธุรกิจใหม่ปูทางสร้างการเติบโตแห่งอนาคต
อุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง (มหาชน) กล่าวว่า โจทย์แรกของการดำเนินธุรกิจในปีนี้ คือการ “ปรับองค์กร” เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และตั้งรับกับปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อย่าง เงินเฟ้อ การขึ้นค่าแรง ค่าวัสดุ อัตราดอกเบี้ย
รวมทั้งเตรียมพร้อมด้านธุรกิจ นำธุรกิจ “เฮลธ์แคร์” มาเป็นส่วนหนึ่งของการขายบ้าน โดยมุ่งพัฒนา จีโนมิกส์ (บริหาร/นวัตกรรมเพื่อมาถอดรหัสพันธุกรรม) การตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ และ เฮลธ์เทค ซึ่งร่วมกับพันธมิตรเพื่อนำ Outside-in Innovation เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอสังหาฯ และโรงพยาบาลเพื่อสร้าง “โอกาส” ในธุรกิจใหม่ให้กับพฤกษา
ในปีนี้บริษัทได้รับอนุมัติงบคอร์ปอเรท เวนเจอร์ จำนวน 3,500 ล้านบาทสำหรับ “ลงทุนธุรกิจใหม่” ที่ไม่ใช่อสังหาฯ ภายในระยะเวลา 3 ปี เป็นงบที่เน้น “พร็อพเทค” เช่น ระบบอัตโนมัติที่ใช้ในบ้านหรือการเชื่อมเทคโนโลยีเฮลธ์แคร์ เพื่อรองรับการให้บริการในบ้านแก่ลูกบ้าน ส่วนที่สองจะเป็น “เฮลธ์เทค” เป็นเรื่องใหญ่ในการลงทุน ส่วนที่สามจะเกี่ยวข้องกับส่งแวดล้อม เป็นกรอบการลงทุนหลักที่พฤกษาให้ความสำคัญต่อจากนี้ไป ล่าสุดมีผู้สมัครมากกว่า 100 คนที่ได้รับการคัดเลือกในการเข้า Innovation Bootcamp เพื่อพัฒนานวัตกรรมและบริการที่นำมาใช้ต่อยอดกับอสังหาฯและเฮลธ์แคร์
ส่วนธุรกิจแวร์เฮ้าส์และโลจิสติกส์เป็นหนึ่งในห่วงโซอุปทานอสังหาฯ ที่มีความเป็นไปได้แต่ต้องดูจังหวะโอกาสภาพรวมเศรษฐกิจที่ลงทุนแต่ไม่ปิดโอกาสที่ลงทุน
พร้อมเปิดตัว 31 โครงการใหม่ มูลค่า 16,000 ล้านบาท เป็นทาวน์เฮาส์ 22 โครงการ บ้านเดี่ยว 6 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ตั้งเป้ายอดขาย 31,000 ล้านบาท ยอดโอน 33,000 ล้านบาท
ศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) เครือออริจิ้น กล่าวว่า แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยปี 2565 จะฟื้นตัวและเติบโตได้ดี จากสัญญาณบวกรัฐบาลเริ่มเปิดประเทศ การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ การกระจายวัคซีนอย่างรวดเร็ว ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ แอลทีวี สามารถปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยรวมกับสินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องได้ 100% กระตุ้นตลาดอสังหาฯ และความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบ้านแนวราบ
พร้อมกันนี้จะเห็นการพัฒนาโครงการกระจายสู่พื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ มากขึ้น จากการทยอยเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่ การขยายโครงข่ายคมนาคม ทำให้ผู้ประกอบการมองเห็นโอกาสขยายทำเลในการพัฒนาโครงการ
บริทาเนีย ดำเนินธุรกิจภายใต้คอนเซปต์ “Growth Together” มุ่งขยายตลาดสู่ทำเลใหม่ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะต่างจังหวัดทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางที่มีศักยภาพเติบโตสูง มีการร่วมทุนกับพันธมิตร (JV) การปรับตัวสู่ดิจิทัล แพลตฟอร์ม การพัฒนาระบบนิเวศน์ การให้คำแนะนำและสนับสนุน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้กับทุกภาคส่วน ทั้งลูกค้า พันธมิตร พนักงาน ส่งต่อองค์ความรู้ที่จะเพิ่มศักยภาพและปรับตัวรับยุคเน็กซ์ นอร์มอล เพื่อร่วมมือกับทุกภาคส่วนเติบโตอย่างมั่นคง
“เราใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต รวมทั้งพลังงานทางเลือก เช่น โซลาร์เซลล์ สถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า นำร่องพื้นที่ส่วนกลาง อาคารสโมสร ของบ้านแบรนด์แกรนด์ บริทาเนีย ก่อนขยายไปยังบ้านแบรนด์อื่นๆ”
พร้อมวางนโยบายบริการหลังการขายแก่ลูกบ้านตลอดอายุการพักอาศัย ครอบคลุมทั้งภายในและหลังระยะเวลาประกัน เช่น รับประกันคุณภาพโครงสร้างบ้าน 5 ปีนับจากวันที่โอนกรรมสิทธิ์ ให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน การแจ้งซ่อมและติดตามสถานะผ่าน Mobile Application Britania Connect
ปัจจุบันบริษัทมีบ้านแนวราบที่อยู่ระหว่างการขาย 20 โครงการ มูลค่ารวม 22,250 ล้านบาท ปี 2565 เปิดตัวที่อยู่อาศัยแนวราบ 12 โครงการมูลค่ารวม 13,400 ล้านบาท จากเดิมจะเปิดตัว 9 โครงการ มุ่งจังหวัดที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง อาทิ ระยอง อยุธยา ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปีก่อน คาดมียอดรับรู้รายได้ 7,250 ล้านบาท โดยมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ ณ สิ้นปี 2564 แล้ว 1,204 ล้านบาท